เมนู

สิกขาบทแก่พระภิกษุทั้งปวงให้เป็นลำดับ ๆ ไป จึงค่อยบัญญัติทีละน้อย ๆ ระรอยว่าจะหารู้
ตลอดไปไม่ดอกกระมัง น่ะพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงถวายพระพรถามไปเล่าว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารเจ้า
เหมือนหมอทั้งหลายที่รู้ตำรารักษาไข้ ย่อมรู้ไปในลักษณะยาทั้งปวง รู้ว่าไข้สิ่งนั้นชอบประกอบ
ยาสิ่งนั้น รู้สารพัดไปกระนี้หรือ พระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า อาม ภนฺเต เออ กระนั้น
แหละซิ พระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงถามอีกเล่าว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้เป็นมหิศรา-
ธิบดี เมื่อหมอทั้งหลายรู้ยาแล้ว ไฉนจึงมิประกอบยาไข้ ให้กินเสียให้โรคหาย จนตลอดชีวิตที
้เดียว จึงค่อยเยียวยารักษาแต่ทีละไข้ เป็นเหตุไฉน น่ะบพิตรพระราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการแก้ว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
หมอเหล่านั้นเขารักษาแต่ที่คนเจ็บคนไข้ ทีไม่ไข้ไม่เจ็บไม่รู้ที่จะให้กินยากันไว้ น่ะพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า หมอนั้นเล่าเปรียบฉันใด สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ยังไม่มีเหตุก็ไม่บัญญัติแก่สาวกด้วยสิกขาบทน้อยใหญ่ ดุจคนไม่เจ็บไม่ไข้ หมอมิได้พยาบาลนั้น
ขอถวายพระพร
ครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร มีพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ สมควร
แล้วที่กล่าวในกาลบัดนี้
สัมปัตตกาลปัญหา คำรบ 2 จบเท่านี้

ทวัตติงสมหาปุริสลักขณปัญหา ที่ 3


ราชา

สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาญาณ สมเด็จพระมงกุฏมาจารย์นี้งามเป็นที่
ยิ่ง ประกอบด้วยทวัตติงสมหาปุริสลักขณะ 32 พระฉวีวรรณดังทองผ่องใสงามไปด้วยอสีตยา-
นุพยัญชนะน้อยใหญ่ 80 ประการ พยฺามปฺปภา มีพระรัศมีชัชวาลเปล่งออกข้างละวา พระ
พุทธองค์ทรงโสภาคย์งามเป็นที่ยิ่ง จริงอย่างโยมว่ากระนี้แน่นอนหรือประการใด